FPI ส่งซิก Q2ปี64 สัญญาณธุรกิจฟื้นออเดอร์เข้า-ดัน Backlog หนา 700 ลบ.

FPI ส่งซิก Q2ปี64 สัญญาณธุรกิจฟื้นออเดอร์เข้า-ดัน Backlog หนา 700 ลบ.

บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ประเมินแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/2564 ฟื้นตัวชัดเจน  ระบุสถานการณ์โควิด-19 ลุกลามทั่วโลก เป็นเหตุประเทศมาเลเซียคู่แข่งทางการค้าประกาศล็อกดาวน์ หนุนออเดอร์ไหลเข้าไทย ฟาก "สมพล  ธนาดำรงศักดิ์ "กรรมการผู้จัดการ ชี้ธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เดินหน้ารับรู้รายได้จาก Backlog ตุนไว้กว่า 700 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้กว่า 50% ขณะที่ประสิทธิภาพคุมต้นทุนได้ดี พร้อมปรับราคาขายสินค้าขึ้น มั่นใจผลงานปี64 โตทะลุเป้า 15%

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส2/2564 มีสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลุกลามไปทั่วโลก และที่ผ่านมา การที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้าของไทย ได้ประกาศปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1-14 มิถุนายน 2564 ทำให้ลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะในแถบกลุ่มอเมริกาใต้ ได้หันมาสั่งซื้อสินค้า จากผู้ประกอบการของไทย ทำให้มีออเดอร์ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาพรวมของอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวได้ดีขึ้น

"อุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ในไตรมาส 2/64 เริ่มมีการฟื้นตัว และน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ซึ่งสะท้อนได้จากออเดอร์ที่ไหลเข้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนของปีนี้ โดยเฉพาะFPI มีออเดอร์เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างชาติ ดังนั้นน่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการออกมาในทิศทางที่ดีขึ้นรวมทั้งประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนการผลิตในส่วนของวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ตลอดจนการปรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย"

กรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ราว 50% ขณะที่ยังมีออเดอร์ใหม่ในงานด้านอื่นๆ ทยอยเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้นทำให้บริษัทฯเชื่อว่า ผลงานในปี2564 น่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นก็น่าจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯมีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะรุกขยายธุรกิจใหม่ 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประเภท ดีไซน์รถยนต์ หรือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะตลาดรถหรูโดยบริษัทฯ มีแผนจะเจาะลูกค้าระดับบน เพราะหลังจากทดลองผลิตไปแล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีรวมทั้งมีแผนจะรุกธุรกิจให้คำปรึกษาในการด้านพลังงาน และนวัตกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืน สามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจใหม่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ข่าวเกี่ยวข้อง